
圖片取自: photoAC
สมาคมวัฒนธรรมทางเพศฮ่องกง / 30 สิงหาคม 2565
The below article is translated from a Chinese article:「別人結婚有影響你嗎?」同性婚姻的五類受害者
ในศตวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากการสมรสเพศเดียวกันไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ระวางนักการเมืองอภิปรายเรื่องการเปลี่ยนแปลงคำกำจัดความของคำว่า “การสมรส” หรือไม่ มักใช้ข้อโต้แย้งและการอภิปรายที่มักเป็นแค่จินตนาการ ผู้ที่สนับสนุนการรักษาคำกำจัดความดั้งเดิมของครอบครัวและการสมรสได้เสนอข้อโต้แย้งและคำเตือนหลากหลาย ซึ่งในเวลานั้นดูเหมือนจะเป็นแค่ทฤษฎีเชิงนามธรรม ไม่อาจเทียบได้กับคำถามเรียบง่ายจากกลุ่ม LGBTQ+ ที่ว่า “การแต่งงานของคนอื่นเกี่ยวอะไรกับคุณ ? มีผลกระทบต่อคุณหรือไม่ ?”
20 ปีผ่านไป หลาย “ทฤษฎี” ในช่วงนั้นไม่ได้เป็นนามธรรมแล้ว แต่กลายเป็นเหมือนคำทำนาย สภาวิจัยครอบครัวในสหรัฐฯ (Family Research Council) ได้รวบรวมเหยื่อ 5 กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการสมรสเพศเดียวกัน ดังนี้:
๑. ธุรกิจขนาดเล็ก
Barronelle Stutzman เป็นนักจัดดอกไม้สูงวัย และเจ้าของร้าน Arlene’s Flowers ซึ่งมีการให้บริการลูกค้าและว่าจ้างพนักงานที่เป็นผู้รักเพศเดียวกันมาโดยตลอด ในปี 2012 รัฐวอชิงตันที่เธออาศัยอยู่ได้ปรับเปลี่ยนคำจำกัดความของการสมรส (ให้การสมรสเพศเดียวกันเป็นเรื่องถูกต้องตามกฎหมาย) ในปีต่อมา คู่รักเพศชายสองทั้งสองเข้ามาในร้านดอกไม้ของ Stutzman และขอให้เธอจัดดอกไม้สำหรับงานแต่งเพศเดียวกันของพวกเขา อย่างไรก็ตาม Stutzman เชื่อว่าการแต่งงานควรเป็นระหว่างชายหญิง และความเชื่อทางศาสนาคริสต์ไม่ควรมีส่วนรวนใน “การสมรส” ของเพศเดียวกัน จึงปฏิเสธการขอร้องของพวกเขา
แม้หนึ่งในคู่รักนั้น (Rob Ingersoll) เป็นเพื่อนของ Stutzman แต่ “เพื่อน” กลายเป็นฝ่ายฟ้องร้อง Stutzman ต่อมาในปี 2017 ศาลสูงสุดของรัฐวอชิงตันตัดสินว่า Stutzman มีความผิดในข้อหาการเลือกปฏิบัติ แม้ Stutzman จะยื่นอุทธรณ์ถึงศาลสูงสุดของสหรัฐฯ ซึ่งศาลสูงสุดของสหรัฐฯได้ตัดสินให้คดีนี้ต้องกลับไปพิจารณาใหม่ที่ศาลสูงสุดของรัฐ แต่ศาลยังคงตัดสินว่ามีความผิด Stutzman ยื่นอุทธรณ์อีกรอบ แต่รอบนี้ศาลสูงสุดไม่รับการยื่นในคดีนี้แล้ว สุดท้ายคู่ความในคดีความได้บรรลุข้อตกลงยุติคดีโดยยอมรับการชดเชย 5,000 ดอลลาร์
ในระยะเวลาการฟ้องร้องที่ยาวนานถึง 8 ปี Stutzman เสียค่าใช้จ่ายดำเนินคดีและค่าธรรมเนียมทนายความจำนวนมาก เพียงแค่เพื่อปกป้องตัวเองและเสรีภาพในมโนธรรมเพื่อผู้อื่นในอนาคต เธอรู้ว่าคดีของเธอส่งผลต่อธุรกิจขนาดเล็กหลายราย และยังเกี่ยวข้องกับเจ้าของธุรกิจดังกล่าวที่ว่าพวกเขาสามารถนำความเชื่อของตนเองไปใช้กับธุรกิจของตนได้หรือไม่ แต่ผลกลับออกมาตรงกันข้ามกับความคาดหวังของคุณยาย ทำให้เธอต้องเกษียณในวัย 77 ปี
๒. ผู้สร้างสรรค์
Jack Phillips เป็นนักออกแบบเค้กก็มีประสบปัญหาคล้ายกับ Stutzman ที่เหมื่อนกันคือ Phillips มีการให้บริการและขายเค้กต่าง ๆ ให้ลูกค้ารักเพศเดียวกัน เช่น เค้กวันเกิด แต่เมื่อเขาถูกขอให้ทำเค้กสำหรับงานแต่งเพศเดียวกัน Phillips ก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลด้านความเชื่อส่วนตัวเช่นกัน เขาอธิบายว่าเขาจะไม่ทำเค้กนี้แม้แต่สำหรับคู่รักที่เป็นเพศตรงข้ามเช่นกัน นอกจากนี้เขายังปฏิเสธที่การสั่งซื่อเค้กที่เป็นการเหยียดกลุ่ม LGBT (ผู้รักเพศเดียวกันและคนข้ามเพศ) จากนั้นภายใน 20 นาที เขาก็ได้รับการติดต่อจากสำนักงานของรัฐฯ ในระยะเวลาการดำเนินคดีเลือกปฏิบัติมานาน 6 ปี Phillips ประสบกับแพ้คดีมาหลายครั้ง จนสุดท้ายคดีนี้ได้อุทธรณ์ขึ้นถึงศาลสูงสุดของสหรัฐฯ ซึ่งเขาโชคดีกว่า Stutzman คือได้รับการตัดสินให้ชนะในคะแนนเสียง 7 – 2 จากศาลสูงสุด
หลังจากที่เสียค่าดำเนินคดี เวลา และความพยายามไปจำนวนมาก Phillips ได้ปกป้องเสรีภาพในการสร้างสรรค์ที่เล็กน้อยของตน แต่หลังจากชนะคดีไม่กี่สัปดาห์ Phillips กลับต้องเผชิญกับคดีใหม่ที่คล้ายกัน รอบนี้เป็นเค้กที่ฉลองการแปลงเพศ Phillips ปฏิเสธและถูกฟ้องร้องอีกครั้ง ในการให้สัมภาษณ์ Phillips อธิบายว่า “ชาวอเมริกันทุกคนควรมีเสรีภาพในการใช้ชีวิตและทำงานตามมโนธรรมของตนเอง โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกลงโทษจากรัฐบาล นั่นคือวัตถุประสงค์ของทั้งหมด”
๓. เด็กกำพร้า
โฮลสตัน (Holston) บ้านเด็กกำพร้าในรัฐเทนเนสซีโฮลสตันมีประวัติของคริสตจักรเมธอดิสท์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1895 โดยแม่ม่ายจากคริสตจักรเมธอดิสท์ ในการให้ที่พักเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้งและทารุณกรรม และจับคู่พวกเขากับพ่อแม่ที่เป็นคริสเตียนเพื่อการขอรับอุปการะเด็กเป็นบุตรบุญธรรมมา 150 ปี ตามสถิติ 51% ของผู้อยู่อาศัยในรัฐเทนเนสซีตะวันออกและรัฐเวอร์จิเนียตะวันตกเฉียงใต้ไม่สามารถจ่ายค่าครองชีพได้ โฮลสตันให้บริการเด็กในพื้นที่เหล่านี้มากกว่า 8,000 คน พวกเขาได้รับเงินทุนจำนวนหนึ่งจากรัฐบาลทุกปี อย่างไรก็ตาม อดีตประธานาธิบดีโอบามาออกแนวปฏิบัติในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่ง โดยกำหนดให้องค์กรที่ได้รับทุนต้องจับคู่เด็กกับคู่รักเพศเดียวกันและคู่รักข้ามเพศทั้งสอง มิฉะนั้นจะไม่ได้รับเงินทุน
โฮลสตันเผชิญกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที ไม่ว่าจะขัดต่อจุดประสงค์ของสถาบันและความเป็นอยู่ของเด็ก ๆ (พวกเขาเชื่อว่าครอบครัวที่เป็นชายหนึ่งและหญิงหนึ่งคือดีที่สุดสำหรับเด็ก) หรือล้มเหลวในการจัดหาเงินทุน ความยากลำบากนี้ถูกระงับชั่วคราวเนื่องจากคำสั่งยกเว้นที่ลงนามโดยทรัมป์เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่ง แต่เมื่อไบเดนเข้ารับตำแหน่ง ความยากลำบากก็กลับมาอีกครั้ง
แม้ว่าจะมีหน่วยงานรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมที่ไม่ใช่ศาสนาในท้องถิ่นมากกว่าหน่วยงานที่มีศาสนาห้าเท่า แต่รัฐบาลไบเดนยังคงกำหนดให้สถานสงเคราะห์เด็กทั้งหมดปฏิบัติตามวาระการเคลื่อนไหวของเพศเดียวกัน และให้ความสำคัญกับคุณค่าของการสมรสเพศเดียวกันมากกว่าความเป็นอยู่ของเด็กกำพร้าและเสรีภาพในมโนธรรมของบ้านเด็กกำพร้า
ในที่สุดโฮลสตันตัดสินใจที่จะฟ้องร้องรัฐบาล ผลลัพธ์ยังไม่ได้รับการเปิดเผย
๔. เด็กนักเรียนในโรงเรียนรัฐบาล
หลังจากเปลี่ยนคำจำกัดความของการสมรส โรงเรียนรัฐบาลก็ได้เข้ามาเสริมอุดมการณ์ใหม่นี้ แม้ว่าเกือบครึ่งหนึ่งของคนในสหรัฐอเมริกาไม่เห็นด้วยกับ “การสมรสเพศเดียวกัน” แต่โรงเรียนรัฐบาลกลับใช้เงินภาษีเพื่อปลูกฝังค่านิยมที่ไม่เห็นด้วยให้กับเด็กนักเรียน
เช่น ในโรงเรียนประถมศึกษาหนึ่งในรัฐเวอร์จิเนีย ในการประชุมช่วงเช้าครูอ่านหนังสือเกี่ยวกับผู้รักเพศเดียวกันชื่อ “เจ้าชายและอัศวิน” (Prince and Knight) ให้เด็ก ๆ ฟัง ขนาดที่โรงเรียนรัฐบาลของรัฐเท็กซัสยังลงโทษนักเรียนที่บอกว่าการรักเพศเดียวกัน “เป็นสิ่งที่ผิด” (is wrong) [1] การศึกษาอื่น ๆ ระหว่างรักเพศเดียวกันและการสมรสเพศเดียวกันนั้นเป็นสิ่งที่ “ถูกต้อง” และ “ปกติ” ได้เข้าสู่ระบบการศึกษาสาธารณะเป็นจำนวนมากเช่นกัน
จากการสำรวจล่าสุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มากกว่า 20% ของคนรุ่น Gen Z ในสหรัฐอเมริกา (อายุ 18 – 25 ปี) ระบุตนเองว่าเป็น LGBT ซึ่งมากกว่าจำนวนคนในรุ่น Gen B (อายุ 58-76 ปี) ถึง 7 เท่า ข้อมูลนี้ทำให้เกิดความสงสัยผลที่เกี่ยวกับสื่อสังคมและระบบการศึกษาที่มีต่อรสนิยมทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศของวัยรุ่น
๕. เด็ก
หลังจากเปลี่ยนคำจำกัดความของการสมรส การรับอุปการะเด็กโดยคู่รักเพศเดียวกัน การใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ระหว่างคู่รักเพศเดียวกัน และแม้แต่การใช้ “แม่อุ้มบุญ” เพื่อปรับแต่งเด็ก ได้กลายเป็นสิทธิตามกฎหมาย โดยทั่วไป ครอบครัวที่มีสุขภาพดีจำเป็นต้องมีทั้งชายและหญิง เพื่อให้เด็ก ๆ เรียนรู้จุดแข็งของทั้งสองเพศจากพวกเขา และยังช่วยให้พวกเขาได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสมในสถานการณ์ต่าง ๆ
อย่างที่รู้กันโดยทั่วไป เด็ก ๆ ที่เติบโตในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวมักจะมีปัญหาทางอาญาและสถานการณ์ต่าง ๆ มากกว่า การป้องกันการเกิดครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวถือเป็นเป้าหมายทางนโยบายร่วมกันของรัฐบาลทั่วประเทศ เพื่อความเป็นอยู่ของเด็กและความมั่นคงของสังคม อย่างไรก็ตาม ครอบครัวคู่รักเพศเดียวกันดูเหมือนครอบครัวพ่อ/แม่เลี้ยงเดี่ยว “ด้วยความจงใจ” เด็กที่เติบโตในครอบครัวคู่รักเพศเดียวกันถูกกำหนดให้ต้องสูญเสียพ่อหรือแม่ไป และเด็ก ๆ ที่เกิดจาก “แม่อุ้มบุญ” จะถูกบังคับให้ตัดความสัมพันธ์กับพ่อและแม่ทางสายเลือด
ผลการสำรวจพบว่า เด็กที่เลี้ยงดูโดยคู่รักเพศเดียวกันมีโอกาสสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายน้อยกว่าเด็กที่มาจากครอบครัวแบบดั้งเดิมถึง 35% และมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาทางอารมณ์และเป็นโรคสมาธิสั้น (คําย่อคือ ADHD) มากกว่าสองเท่า จะเห็นได้ว่าหลังจากการแก้ไขคำจำกัดความของการสมรสแล้ว เด็กจำนวนมากได้ตกเป็นเหยื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น
สรุป
หลายผลกระทบทางสังคมที่แท้จริงถูกทำนายก่อนการตัดสินคดีการสมรสเพศเดียวกันในสหรัฐฯ ในปี 2015 นอกจากนี้ ประธานศาลสูงสุดสหรัฐอเมริกา จอห์น รอเบิตส์ (John Roberts) เคยกล่าวไว้ว่าผู้พิพากษาส่วนใหญ่เชื่อว่าผู้เชื่อทางศาสนายังสามารถ “สอน” และ “สนับสนุน” มุมมองของตนเกี่ยวกับการสมรสได้ แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งแรกของสหรัฐอเมริการับประกันอิสรภาพ “การปฏิบัติ” (exercise) ทางศาสนา ดังนั้น ผู้พิพากษาอีกคน คลาเรนซ์ โทมัส (Clarence Thomas) ตั้งข้อสังเกตว่า “เสรีภาพในการนับถือศาสนาโดยพื้นฐานเสรีภาพในการเคลื่อนไหวในเรื่องของศาสนา” และการพิจารณาคดีการสมรสเพศเดียวกัน “อาจส่งผลเสียหายต่อเสรีภาพในการนับถือศาสนา” ใน 7 ปีผ่านที่ไป โทมัสได้ยืนยันเรื่องราวของเขาแล้ว เมื่อทางรัฐบาลฮ่องกง ผู้พิพากษา หรือสาธารณชนพิจารณาที่จะสนับสนุนการสมรสเพศเดียวกันหรือไม่ พวกเขาจะต้องพิจารณาถึงประสบการณ์ของฝ่ายตะวันตกและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้อื่น
[1] https://www.foxnews.com/us/texas-school-punishes-boy-for-opposing-homosexuality
บรรณานุกรม:
https://www.facebook.com/hkscs/posts/pfbid0Svq3zkPZjT9gLSJS2oqpeKvvBMYdDv2H3SmDVK29tTGEYHhjhud5wBZhAKntjw9dl
เรียนรู้เพิ่มเติม:
https://www.potomaclocal.com/2022/06/13/gay-marriage-story-read-during-elementary-school-morning-announcements-sparks-outcry/
https://www.youtube.com/watch?v=f-NyaVmvsf8
https://adflegal.org/case/arlenes-flowers-v-state-washington
https://www.huffpost.com/entry/dakota-ary-anti-gay-texas-teen-nom-video_n_2039661
https://en.wikipedia.org/wiki/Masterpiece_Cakeshop_v._Colorado_Civil_Rights_Commission

